2023 Harley-Davidson CVO Road Glide & CVO Street Glide Harley-Davidson
นอกจากจะเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่ผู้คนจดจำและอยากเป็นเจ้าของมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลกแล้ว Harley-Davidson® ยังกลายมาเป็น MOTO CULTURE (วัฒนธรรมสองล้อ) ที่มีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัวอันน่าหลงใหล ซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์และสื่อบันเทิงต่าง ๆ มากมาย
Harley-Davidson® Homecoming™ Festival คือเทศกาลดนตรีและสองล้อสุดยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ของเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เพื่อฉลองครบรอบประวัติศาสตร์อันยาวนาน 120 ปี ของทางค่าย ที่ฮาร์ลีย์ “เปิดบ้าน” ให้ผู้ชื่นชอบสองล้อจากหลายประเทศทั่วโลกมาเข้าร่วม โดยมีทั้งการแสดงคอนเสิร์ต เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และไลน์การผลิต รวมไปถึงการแสดงสตั๊นท์ พาเหรดและกิจกรรมต่าง ๆ มากมายตลอด 4 วันเต็ม
แต่ไฮไลท์ที่สาวก H-D จับตามองมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ CVO (CUSTOM VEHICLE OPERATION) อย่าง 2023 Harley-Davidson CVO Road Glide และ Street Glide เรือธงไซส์ใหญ่สุด 2 รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight VVT 121 V-Twin (1,977 ซีซี) ที่ได้รับการยกระดับทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี สมรรถนะเครื่องยนต์ ความสบายในการขับขี่ และความสวยงามแบบจัดเต็มมาจากโรงงาน ซึ่ง Fast Bikes Thailand ของเราได้รับเกียรติจาก Harley-Davidson® Asia ให้ไปร่วมทดสอบในครั้งนี้ด้วย
หลังเสร็จสิ้นการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และไลน์การผลิต Powe train ในวันแรก เรากลับมายังมิวเซียมอีกครั้งในวันที่สองเพื่อพูดคุยกับผู้บริหารสูงสุด คุณโจเชน ซีดส์ และบิล เดวิดสัน รองประธานของ Harley-Davidson Museum ที่มากล่าวต้อนรับ พร้อมบอกเล่ารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ใหม่และความเป็นมาในการดำเนินธุรกิจมาครบ 120 ปี เส้นทางทดสอบโดยรวมจะมีทั้งวิ่งผ่านเมือง เข้าไฮเวย์ และวิ่งบนถนนเส้นนอกเมืองลัดเลาะไปตามหุบเขาเกือบ ๆ 300 กม. พี่ใหญ่กล้ามโต Big muscle ทั้งสองรุ่นจะขี่เป็นยังไง มีรายละเอียดการอัพเดทอะไรที่สำคัญบ้าง ไปติดตามกันได้เลยครับ…
รายละเอียดโดยรวม
2023 CVO™ STREET GLIDE™
อย่างแรกที่เห็นชัดเจนคือรถทั้งสองรุ่นดูหล่อขึ้นมาก รูปลักษณ์โดยรวมที่เน้นความคม เพรียว ยาวและเตี้ย ถูกขับให้เด่นด้วยชุดเคาริ่งหน้าใหม่ขนาดใหญ่โอบรับและครอบคลุมแฮนด์บาร์ไว้ทั้งสองข้าง คือมันให้อารมณ์ต่างกันเลย เพราะของ CVO Street Glide จะยังรักษาเอกลักษณ์ทรง T-shaped เก๋า ๆ แค่ขอบด้านล่างยื่นออกมาและมีเหลี่ยมมุมกว่าเดิมเล็กน้อย ไฟหน้าดวงเดียวตรงกลาง ถูกขนาบข้างด้วยแถบไฟ LED สองด้านที่เป็นทั้งไฟหรี่และไฟเลี้ยวไปในตัว
2023 CVO™ ROAD GLIDE™
ส่วน CVO Road Glide เน้นความทันสมัย เพราะนำดีไซน์ sharknose (จมูกฉลาม) ดั้งเดิมมาปรับใหม่ให้ดูคมและโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าจากที่เคยเป็นสองดวง ตอนนี้ถูกรวมมาเป็นดวงเดียวขนาดใหญ่ แถบยาว พร้อมไฟ LED รูปตัว W ประกบอยู่ด้านล่าง
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมชิลด์หน้าแบบโฟลตติ้งดีไซน์ใหม่ที่ถูกวิเคราะห์ในอุโมงค์ลมและทดสอบมาหลายร้อยชั่วโมงในการขับขี่จริง ซึ่งทางฮาร์ลีย์เคลมว่าสามารถลดเสียงลมเข้าหมวกได้มากกว่าเดิมถึง 60% แถมยังสามารถปรับช่องตรงกลางชิลด์เพื่อควบคุมทิศทางลมที่วิ่งผ่านเข้าหาหมวกได้ด้วย อย่างหนึ่งที่ต่างกันคือตัวปีก Wind deflectors ที่ของ CVO Road Glide จะอยู่ด้านข้างปลายเคาริ่งตรงตัวผู้ขับขี่ทั้งสองฝั่ง ส่วนของ CVO Street Glide จะอยู่บริเวณขาโช้คหน้าเพื่อลดความผันผวนของลมที่เข้ามาปะทะ
ถังน้ำมัน 22.71 ลิตร ออกแบบใหม่เพิ่มความโค้งมนด้านข้าง และลาดเอียงไปด้านหลังเข้ากับเบาะสองตอน น้ำหนักเบาขึ้นกว่าเดิม กล่องข้างดีไซน์ใหม่ดูยาวและเล็ก (แต่จริง ๆ จุขึ้นอีกเล็กน้อย) เข้ากับรูปทรงของตัวรถ ใส่กระเป๋ากล้อง น้ำดื่ม สัมภาระที่ขนไปได้หมดสบาย ๆ แฮนด์ตั้งแบบดั้งเดิมควบคุมง่าย แผงคอ triple clamp อลูมิเนียมผลิตด้วยกรรมวิธีฟอร์จแบบใหม่น้ำหนักลดลง 3.1 กก. เมื่อรวมกับการพยายามเซฟน้ำหนักในหลาย ๆ จุดทำให้ CVO Road Glide มาในน้ำหนักพร้อมขี่ที่ 390 กก. และ CVO Street Glide อยู่ที่ 380 กก. (ลดลง 14 และ 12 กก. ตามลำดับเมื่อเทียบกับรุ่นปี 2022) ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์, เฟรม, และองค์ประกอบทั้งหมดเหมือนกัน แตกต่างกันแค่ชุดเคาริ่งด้านบนเท่านั้น
เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight VVT 121 V-Twin
ขุมพลัง V-Twin 45°, OHV 4 วาล์ว/สูบ 1,977 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำและอากาศ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (ESPFI) มิติกระบอกสูบ-ช่วงชัก 103.5 x 117.5 มม. Big bore x Long stoke (ช่วงชักยาวขึ้นอีก3.5 มม. Super Over Squre) กำลังอัดสูงสุด 11.4:1 ระบบเกียร์ 6 สปีด ทำงานร่วมกับระบบ Assist & Slipper Clutch แรงม้าสูงสุด 115 hp มาที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 189 นิวตันเมตร มาในรอบต่ำเพียง 3,000 รอบ/นาที อัตราทดขั้นต้น Primary gear – Secondary Clutch เชื่อมต่อกำลังด้วยโซ่ อัตราทดเฟือง 34/46 อัตราทดขั้นสุดท้าย Final Drive สายพาน 32/68
ตอนเปิดตัว CVO ที่เพิ่มระบบระบายความร้อนด้วยน้ำเข้าไปครั้งแรกในโปรเจ็ค Rushmore ผมเองมีโอกาสได้ไปร่วมทดสอบด้วย รวมถึงมีความคุ้นเคยกับ CVO รุ่นที่ผ่านมาเป็นอย่างดีเพราะได้ขี่อยู่บ่อยครั้ง พอดูรายละเอียดหลังพรีเซนต์จึงทราบได้ทันทีว่า 2023 Harley-Davidson CVO Road Glide และ Street Glide คือก้าวถัดไปของเครื่องยนต์แบบ Big-Twin ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องบล็อกใหม่ถอดด้ามที่มีความจุกระบอกสูบเยอะขึ้นแล้ว มันยังถูกเพิ่มเติมสมรรถนะและพลังของเครื่องยนต์ จากรายละเอียดอย่าง พอร์ตไอดี วาล์ว บ่าวาล์ว รวมถึงมีการนำระบบ VVT (Variable Valve Timing) เข้ามาช่วยเสริมอัตราเร่ง ทั้งยังมีการใส่ระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาแบบจุก ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบคันเร่งไฟฟ้า, Traction Control, C-ABS ฯลฯ เรียกว่าฮาร์ลีย์จัดเต็มเพื่อทำให้ทั้งสองรุ่นออกมาเป็นรถในตระกูล Grand American Touring ที่เพียบพร้อมที่สุดเลยก็ว่าได้
เริ่มต้นด้วย CVO Street Glide สตาร์ทเครื่องยนต์เสียงยัง ฮึมฮัม เก๋าโจ๋ตามเอกลักษณ์ไม่แผ่วลงเลย เครื่องเดินเบานุ่มมาก เพราะเขาปรับอัตราเร่งรอบต่ำให้เข้ากับการไหลเข้าของอากาศจากกรองใหม่ที่อัดอากาศเข้าทางด้านหน้าแบบรถสปอร์ตพลังสูง ซึ่งนอกจากจะทำให้อัตราเร่งมาดีขึ้นในทุกย่านความเร็วรอบแล้ว ยังทำให้การเผาไหม้สะอาดหมดจดและประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย
เมื่อเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณ เราเลี้ยวขวาออกจากสถานที่จัดงาน วิ่งผ่านถนนใจกลางเมืองมิลวอกีที่ต้องมีการหยุดและเลี้ยวโค้งตามสี่แยกเป็นระยะ ๆ สำหรับคนที่ชอบขี่รถสไตล์นี้หรือคนที่มีทักษะในการขี่รถบิ๊กไบค์ซักหน่อย บอกเลยว่ามันคุมง่ายมาก เลี้ยวมุมแคบได้คล่อง พร้อมเอียงรถได้เยอะตามต้องการ floorboards จะไปแตะพื้นจริง ๆ ก็ตอนใช้ความเร็วในโค้งกว้าง ๆ นู้น เพราะฉะนั้นสำหรับการขี่ในเมือง เอาเท้าลงแตะพื้นได้ทุกเมื่อที่ต้องการ อัตราเร่งต้นดี เลี้ยวง่าย เพราะองศาคอ ให้มา Rake 26.0° และความลาดเอียงกันสะเทือนหน้า (Trail) 243.84 มม. น้ำหนักของรถมันจึงไม่ใช่ปัญหาเลย
สาเหตุที่อัตราเร่งและแรงบิดรอบต่ำมาเร็วไม่ต่างจากรถสปอร์ตขนาดนี้ มาจากแคมชาร์ฟใหม่ซึ่งมีระยะเวลาการเปิดที่นานขึ้น ทำงานร่วมกับช่องทางไอดีที่ใช้เรือนลิ้นเร่งขนาด 58 มม. (ของเดิม 55 มม.) และการหมุนของระบบ VVT ด้วยแรงดันน้ำมันแบบไฮดรอลิก นอกจากนี้วาล์วสปริงและลูกปืนแคมชาร์ฟด้านในที่แข็งแรง ยังสามารถทนต่อรอบการหมุนของแคมและแรงกดของก้าน Push Rod ได้อย่างลื่นไหล ทุกอย่างมันเลยมาแบบตามสั่ง และมีแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ที่น้อยมากเพราะเขาเพิ่มเคาเตอร์บาลานซ์มาช่วยจัดการ
จากที่ลองสลับกันขี่ ถึงทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน แต่คาแรคเตอร์นั้นค่อนข้างต่างกันพอสมควรทีเดียว อย่างแรกเลยคือ CVO Street Glide เครื่องเดินเรียบมาก สั่นน้อยกว่า Road Glide ชัดเจน ทางตรงรถทั้งสองรุ่นระยะฐานล้อยาวอยู่แล้ว เลยวิ่งได้เสถียรขี่สบายทั้งคู่ ส่วนตัวผมว่า Street Glide กำลังมาจี๊ดจ๊าดกว่าในโหมด Sport สมกับคาแรคเตอร์เก๋า ๆ แต่ Road Glide แอบนิ่ง หน้าเบาและเลี้ยวได้คมกว่ากันหน่อยในโค้ง เพราะลักษณะแฮนด์กึ่ง ๆ Mini Ape กับชุดเคาริ่งหน้าที่ไม่ได้ยึดไว้กับโช้คเหมือน Street Glide
ในโหมด Sport บอกเลยว่าอัตราเร่งมาได้ใจมาก ๆ เสียงกระหึ่ม เอนจิ้นเบรกน้อยมาก เช่นเดียวกับ Traction control ที่ปรับค่าพรีเซ็ตไว้ในระดับที่น้อยสุดด้วยเช่นกัน เร่งเผลอแป๊บ ๆ ความเร็วทะลุร้อย บางช่วงที่อัดได้เยอะหน่อย 140-150 ก็มีมาให้เห็นแบบเอนหลังเร่งไปเถอะสบาย ๆ อย่างหนึ่งที่สังเกตเห็นได้คือระบบ VVT ที่จะคอยทำงานเวลาเราใช้รอบเครื่องต่ำในเกียร์สูง รถทั้งสองรุ่นใช้เกียร์ 6 สปีด ที่ติดตั้ง Shift Drum ใหม่ ทำให้เข้าเกียร์ได้ลื่นมาก และยังเข้าเกียร์ว่างได้แบบง่าย ๆ เลย เพราะฉะนั้นเกียร์แต่ละเกียร์จึงกำหนดมาค่อนข้างชิด ประกอบกับแรงบิดในรอบต่ำที่มาดีมาก ซึ่งมันบังคับให้เราต้องเปลี่ยนเกียร์สูงไว เพื่อให้เคลื่อนตัวได้ดีโดยเกียร์ไม่อั้น ไม่ตันในแต่ละเกียร์ พอรอบตกลงไปอยู่ในช่วงที่ไม่ต่ำมากจนถึงกับทำให้เครื่องกระพือ ถ้าต้องการกำลัง เราสามารถกดคันเร่งออกไปได้เลย VVT มันช่วยให้กำลังได้ดีมาก แถมยังไม่กระชากเหมือนเครี่อง Revolution Max 1250 รอบมานุ่มแต่มาตึงถึงมือทันที
ระบบ VVT ในเครื่อง Big-Twin
ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มอัตราเร่ง เพิ่มแรงบิดในรอบต่ำถึงกลาง และเสริมประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สะอาดหมดจดลดค่าไอเสีย โดยไม่สูญเสียกำลังของเครื่องยนต์ ที่ใส่เข้ามาได้เพราะเครื่อง 121 V-Twin ตัวนี้เปลี่ยนไปใช้ระบบคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire ซึ่งทำงานประสานกับเรือนลิ้นเร่งในการควบคุมการจุดระเบิด พร้อมการไหลเข้าของไอดีด้วยความแม่นยำและเหมาะสม นอกจากจะทำให้อัตราเร่งรอบต่ำมาเร็ว มาดีแล้ว ยังทำให้เครื่องยนต์นั้นไม่รอรอบในทุกย่านความเร็ว ซึ่งฮาร์ลีย์เป็นเจ้าแรกที่นำระบบ Variable Valve Timing มาใส่ในเครื่องยนต์แบบ Pre-unit Construction ที่วางระบบส่งกำลัง ชุดเกียร์ ชุดคลัตช์แยกส่วนออกจากแครงค์เครื่องเลยก็ว่าได้
ตัวระบบ VVT นั้นถูกติดตั้งไว้บริเวณด้านนอกแคมชาร์ฟฝั่งขวาของเครื่องยนต์ จะเรียกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของแคมชาร์ฟเลยก็คงไม่ผิด เพราะโครงสร้างเรือน VVT จะมีโรเตอร์หมุนไปพร้อม ๆ กับแคมตลอดเวลาด้วยแรงดันน้ำมันเครื่องแบบไฮดรอลิก โดยมีเซ็นเซอร์จับการหมุนอยู่ด้านนอกสุดติดตั้งไว้บนฝาครอบแคม จากในภาพเราจะเห็นชุดสายไฟทั้งด้านในตัวเรือนโรเตอร์ และเซนเซอร์ที่จับรอบการหมุนของทั้งไอดี-ไอเสีย ซึ่งตัวใหญ่สุดจะทำหน้าที่ในการจับการหมุนและส่งข้อมูลเมื่อต้องการ Retard ignition-intake ไปให้กล่องประมวลผล โดยมันสามารถปรับการหมุนของแคมเดี่ยว High lift ตัวใหม่นี้ได้ถึง 40° เมื่อเครื่องยนต์ต้องการอัตราเร่งรอบต่ำอย่างรวดเร็ว โรเตอร์ที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ตามแรงดันไฮดรอลิก ซึ่งหมุนตามแคมชาร์ฟจะหมุนล่วงหน้าเพื่อเปลี่ยนองศาการจุดระเบิดและน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วงตั้งแต่ 1,200 – 3,000 รอบ/นาที เราจึงสามารถกระแทกคันเร่งได้เลย รถจะดึงและพุ่งออกไปแบบหมดจด ไม่กระตุก กำลัง มาไว นุ่มหนัก กดได้ยาวไปจนรอบปลายซึ่งตัดที่ประมาณ 6,300 รอบ/นาที
ระบบ VVT จะทำงานในช่วง Overlaps หรือบางคนเรียกมันว่าเป็น “จังหวะที่ 5” ซึ่งเป็น Flat-spot zone ที่เหมาะสมที่สุด โดยปกติแคมของ H-D จะออกแบบมาเพื่อกำลังแรงบิดในรอบต่ำ-กลาง และมีโอเวอร์แลปน้อยอยู่แล้ว สาเหตุที่เป็นจังหวะนี้ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของกลวัตรการทำงานใหม่ เป็นช่วงเวลาที่วาล์วไอดีเริ่มเปิดและวาล์วไอเสียอยู่ในจังหวะปิด วาล์วทั้งสองด้านจะมีระยะเปิดเร็ว-ปิดช้าตามวาล์วไทม์มิ่งที่กำหนดมา ซึ่งมันมีแรงเฉื่อยและใช้เวลาในการเริ่มเปิด-หยุดปิดพอสมควร บางทีอาจมีการส่งน้ำมันผ่านวาล์วไอดีมากเกินไป-น้อยเกินไปที่ TDC หรือเก็บกักกำลังงานมาก-น้อยเกินความจำเป็นที่ BDC ซึ่งไม่สอดคล้องกับรอบเครื่องยนต์และอัตราทดเกียร์ ซึ่งวาล์วทั้งไอดี-ไอเสีย มีระยะการเดินทาง (ทั้ง early-delay) จึงทำให้เครื่องยนต์รอรอบ สูญเสียน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น สะสมความร้อน กำลังตก และมีค่าไอเสียเกินมาตรฐาน (ซึ่งมีผลมากกับรถจักรยานยนต์น้ำหนักเยอะๆ) H-D จึงออกแบบระบบ VVT มาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดทั้งหมดที่กล่าวมาได้แบบหมดจด
การระบายความร้อน
นอกจากเครื่องเดินเงียบแรงดึง ตึงดี แต่ไม่กระโชกโฮกฮากแล้ว คันเร่งไฟฟ้ายังแตะปุ๊บพรวดเลย จัดจ้านจากเรือนลิ้นเร่ง 58 มม. ทางเข้าไอดีที่ใหญ่ขึ้น และ Manifold อลูมิเนียมขนาดใหญ่ยังทำให้รอบ ๆ ช่องไอดีเย็นเสริมกำลังเครื่องยนต์ กรองอากาศแบบอัดตรงจากด้านหน้า พร้อมห้องกรองที่มีความจุถึง 4 ลิตร ทำให้เครื่องหายใจได้ดียิ่งกว่าดมยาหม่องตราเสือ สำหรับคนที่คิดว่าแตะแล้วมันพรวดพราดมากเกินไป ก็สามารถขี่เกียร์สูงๆ เพื่อหน่วงกำลังเครื่องให้นุ่มขึ้น หรือเปลี่ยนไปใช้ โหมด Road ก็จะซอฟท์ลงมาหน่อย VVT มันช่วยให้กำลังมาไวไม่รอรอบอยู่แล้วจะใช้ Sport, Road หรือ Rain ก็แล้วแต่เราเลย ที่สำคัญคือเสียงยังหวานเจี๊ยบแบบไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าที่เพิ่งขี่ผ่านไปรถยี่ห้ออะไร
หลังขี่ครบตามเส้นทาง แล้ววกกลับเข้ามาเจอการจราจรในเมือง อีกอย่างที่สังเกตได้คือ รู้สึกว่าเครื่องมันไม่ได้ร้อนมากเลย พัดลมไฟฟ้าก็ไม่ทำงานให้ได้ยินซักแอะ หม้อน้ำใหม่ที่อยู่ต่ำลงมาด้านล่างก็ดูน่ารักกระจุ๊มกระจิ๋มมองแล้วคล้ายออยคูลเลอร์ ขี่เข้าเมืองมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้มีความเร็วมากทำไม่เครื่องไม่ร้อนจี๋ นั่นเป็นเพราะว่าเขาจัดระบบระบายความร้อนใหม่ ให้ฝาสูบมีห้องระบายน้ำเหมือนของ Project Rushmore ซึ่งนำระบบนี้มาจาก Formula one อีกที คือเจาะจงให้น้ำวิ่งผ่านพื้นที่บริเวณวาล์วไอเสีย ซึ่งมีช่องทางการคายความร้อนออกทางไอเสียและเป็นจุดที่ร้อนที่สุดของแต่ละสูบเป็นหลัก ปั๊มน้ำไฟฟ้าจะส่งน้ำหรือน้ำยาหล่อเย็นเข้าสู่ท่อทางเดินน้ำ วิ่งไปที่สูบหลังก่อนเพราะได้รับอากาศผ่านน้อยกว่าสูบหน้า พอหม้อน้ำอยู่ต่ำก็เพิ่มพัดลมควบคุมอุณหภูมิเข้ามา ขี่ไปติดอีกสองไฟแดงพัดลมทำงานดันความร้อนลงด้านล่างอากาศแป๊บเดียวก็เย็น ไม่มาโดนตัวคนขี่เลย (ปั๊มน้ำเป็นปั๊มไฟฟ้า ทำให้ไม่สูญเสียกำลังเครื่องยนต์)
ระบบกันสะเทือน ระบบเบรกและระบบอิเล็กทรอนิกส์
บางช่วง บางตอนของเส้นทางที่ขับขี่เป็นเส้นนอกเมือง ซึ่งก็มีหลายช่วงที่ผิวถนนแตก ยุบลงไปต่างระดับไม่เท่ากันบ้าง แถมยังไม่มีการจำกัดความเร็ว เรียกว่าซัดกันมาแบบเต็มข้อ โช้คหน้าที่เปลี่ยนมาใช้เป็น Showa หัวกลับขนาดแกน 47 มม. แบบ cartridge ระยะยุบ 4.6 นิ้ว ถึงจะไม่สามารถปรับค่าได้ แต่บอกได้เลยว่ามันโอเคมาก รุ่นที่ผ่านมาใช้กันสะเทือนแบบ Telescopic แผงคอแคบ พอเลี้ยวเลยรู้สึกว่ารถเอียงเร็วแบบวูบๆ พอเปลี่ยนเป็นแผงคออลูมิเนียมน้ำหนักเบาที่กว้างขึ้นมาอีกข้างละเกือบนิ้วแล้วใช้โช้คหน้าหัวกลับ ที่นี้เลี้ยวได้ตามสั่งเลย นิ่ง เสถียร แบบเหลือๆ หน้าไม่กระพือ โช้คหลังคู่แบรนด์เดียวกันปรับ Preload กับ Rebound Damping ได้ ด้วยรีโมทฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาใช้ปรับแบบข้อต่ออ่อน (หมุนสตัดเกลียว) ไม่หนัก ไม่ตึงเหมือนพวกตระกูล Soft tail บางรุ่นและมีระยะยุบเพิ่มขึ้นอีก 50% เป็น 3 นิ้ว ตลอดระยะทางที่ขี่ผมใช้เซ็ตอัพเดิมจากโรงงานและรู้สึกเลยว่ามันช่วยให้คอนโทรลรถได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น ออกโค้งท้ายไม่ย้วย เจอหลุมไม่ยุบจนสุดช่วงและไม่ทำให้รถเสียอาการ รถน้ำหนักเยอะใส่ของเต็มกล่องแต่เอาอยู่ เข้าโค้งเร็ว ๆ เอียงตัวตามไปได้เลยสบาย ๆ ยางเกาะถนนสุด ๆ
ระบบเบรกคาลิปเปอร์เรเดียลเมาท์ Brembo กับจานดิสก์คู่ 320 มม. มี Electronic Linked Braking (ELB) ลิงก์เบรกหน้าหลัง และ C-ABS จังหวะฉุกเฉินไม่ว่ารถจะตั้งตรงหรืออยู่ในโค้ง เราสามารถกำเบรกหน้าหนัก ๆ ได้เลย ออกโค้ง Traction Control กับ Drag-Torque Slip Control เร่งหนัก ๆ ป้องกันล้อไถล หน่วงกำลังเครื่องยนต์ลงให้ยางกลับมาเกาะอย่างนุ่มนวล ที่สำคัญคือระบบทุกอย่างมันลิงก์กันหมด เริ่มต้นตั้งแต่ปราการด่านแรกอย่าง Tire Pressure Monitoring System (TPMS) ที่คอยวัดแรงดันลมยาง ซึ่งตรงนี้เราควรให้ความสำคัญ เพราะถ้าต่ำกว่ามาตรฐานมาก ฟังก์ชั่นทุกอย่างก็จะเริ่มทำงานผิดไป รวมถึงคันเร่งไฟฟ้าที่เริ่มมีอาการดีเลย์ ทั้งจังหวะเร่งและจังหวะยก ขี่ความเร็วต่ำในย่านรถติด มันก็จะตะกุกตะกัก ลามไปถึงโช้คเพราะรถน้ำหนักเยอะน้ำหนักแกว่งไปมาหน้า-หลัง การขับขี่จากเคยสมูทก็กลายมาเป็นไม่สมาร์ท เรือนไมล์สี TFT จอกว้างยาวเต็มตาเป็น Touchscreen สวิตช์ต่าง ๆ ก็มีความพรีเมี่ยม ปุ่มเยอะฟังก์ชั่นแยะ เขาใส่มาให้ขนาดนี้เราก็ต้องพยายามปรับตัวเข้าหา เพื่อให้สามารถใช้งานระบบเหล่านี้ได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัยมากที่สุด
สรุปส่งท้าย
สำหรับผม 2023 Harley-Davidson CVO Road Glide & CVO Street Glide Harley-Davidson คือ Chapter ใหม่ของเครื่อง Big-Twin จากฮาร์ลีย์-เดวิดสันที่พัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกขั้น การนำระบบ VVT มาช่วยให้รถตอบรับทั้งเรื่องของแรงบิด และอัตราเร่งได้เสถียรมากยิ่งขึ้นในทุกย่านความเร็วรอบ ประหยัดน้ำมันและมีค่าไอเสียที่สะอาดขึ้นกว่าเดิม มันส่งผลดีต่อทั้งตัวผู้ใช้ที่จะได้รถที่มีสมรรถนะดีขึ้น ตอบสนองได้ตามสั่ง ทันท่วงที ไม่รอรอบ และตัวผู้ผลิตเองที่จะสามารถทำให้เครื่องยนต์ออกมาผ่านมาตราฐานจำกัดไอเสียไปได้อีกหลายปี มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยหากเทคโนโลยีตัวนี้ถูกกลั่นกรองลงมาอยู่ในรถตระกูลครุยเซอร์ หรือ Grand American Touring รุ่นอื่นที่ไม่ใช่ CVO ในอนาคต ใครที่เป็นสาวก H-D ใครที่ชอบรถ CVO แบบสวย ครบ จบ ตั้งแต่สมรรถนะยันรายละเอียดมาจากโรงงาน ไปลองกันได้เลยครับ แล้วอาจได้ใบจองกลับมาแบบไม่รู้ตัว
ขอบคุณ Harley-Davidson® Asia และ HARLEY-DAVIDSON MOTOR COMPANY ที่ให้เราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานเฉลิมฉลองครบ 120 ปี อันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ด้วยครับ
ติดตามความเคลื่อนไหวของฮาร์ลีย์สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและอินเดียได้ที่
- Facebook: @HarleyDavidsonAsia
- Instagram: @HarleyDavidson_Asia
- YouTube: Harley-Davidson Asia
- TikTok: @HarleyDavidson_Asia
- LINE Official Account: @HarleyDavidsonTH
photo courtesy of HARLEY-DAVIDSON MOTOR COMPANY