0

New Honda CT 125 แรงขึ้น ประหยัดเหมือนเดิม เพิ่มประสิทธิภาพในการลุย

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ “ความอเนกประสงค์” ได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น นอกจากเรื่องของรูปลักษณ์และสมรรถนะแล้ว ประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลายกลายมาเป็นสิ่งที่เพิ่มความคุ้มค่า และทำให้รถหลายรุ่นขายดิบขายดียิ่งกว่ารถสปอร์ตแบบ Track Focus หรือรถวิบากแท้ ๆ เสียด้วยซ้ำ

เพราะหลายคนไม่ได้อยากเดินทางจากจุด A ไปยังจุด B ได้เร็วที่สุด แต่พวกเขาต้องการความสนุก ความตื่นเต้นด้านการขับขี่ใช้งาน ซึ่งอยู่ในกรอบที่ตนเองสามารถคุมได้ ต้องการดื่มด่ำกับการเดินทางไกล ได้พบปะเพื่อนฝูง และไปในเส้นทาง Unseen ที่รถสี่ล้อยากจะเข้าถึง แต่จะทำยังไงให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ได้ในทุกมิติ? โครงสร้างและเครื่องยนต์ขนาดเล็ก กับสัดส่วนที่สามารถรองรับการใช้งานทั้งบนถนนและบนทางเทรลที่ “เท่า ๆ กัน” จึงน่าจะเป็นคำตอบ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ Honda หยิบเอาตำนานจากยุค 60s อย่าง Original CT Series มาสานต่อเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว จนออกมาเป็น Honda CT125 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี และใช้ระบบหัวฉีด PGM-FI

จากยอดจำหน่ายที่เดินได้ดีตามคาด ในปี 2022 นี้เราเลยได้เห็น New Honda CT 125 ซึ่งถูกปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิมเพิ่มเติมใน 3 จุดใหญ่ ๆ และมาพร้อมคอนเซปต์ The Trail Explorer ซึ่งเสริมศักยภาพด้านการลุยให้รองรับการขับขี่บนเส้นทางเทรลได้ดียิ่งขึ้น ด้วยราคาแนะนำที่เปิดมา 88,900 บาท

New Honda CT 125

ในส่วนของรูปลักษณ์ถ้ามองแบบเผิน ๆ คงไม่ต่างไปจากเดิมนัก ยังเน้นหน้าตาที่เรียบง่ายแต่ดูดี แฝงความคลาสสิค ไฟหน้าเป็น Full LED ดวงกลม ท่อไอเสียพร้อมกรองอากาศยกสูงขนานกับตัวรถ เรือนไมล์กลมเป็น Full Digital ใช้ล้อซี่ลวดดิสก์เบรกพร้อม ABS เครื่องยนต์แข็งแรงทนทานมาพร้อมฝาครอบเครื่องแบบ Cover Comp ช่วยลดเสียงการทำงานและมีการ์ดกันเครื่องมาให้ คือขี่ได้ทั้งบนถนนหรือจะลุยทางเทรลแบบโหดหน่อยก็ยังสามารถไปได้

ตัว Stanley Special Edition


สำหรับภายนอกที่เพิ่มเข้ามาคือสีใหม่ 3 สี และอุปกรณ์ตกแต่งใหม่ ๆ ที่มีรองรับ ซึ่งแต่ละชิ้นมีความแข็งแรงเหมาะสมกับคาแล็คเตอร์ในการใช้งานของรถ และดูเท่ห์มากเมื่อติดตั้งเข้าไปโดยเฉพาะตัว Stanley Special Edition สีเทาที่มาพร้อมของแต่งมากถึง 14 รายการ เรียกว่ามาครบองค์ พร้อมลุย ขึ้นเหนือล่องใต้ได้ทั่วไทยแน่นอน น่าเสียดายที่มีจำกัดเพียง 150 คันเท่านั้น

อย่างที่กล่าวไปในตอนต้น สิ่งที่ถูกปรับปรุงใน CT 125 ตัวนี้คือเพิ่มศักยภาพในการขับขี่แบบ Adventure หรือการขี่ลุย ซึ่งมาจาก 3 องค์ประกอบหลัก ๆ ด้วยกัน อย่างแรกคือ เพิ่มสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่ให้แรงบิดและอัตราเร่งที่ดีขึ้น แต่ยังประหยัดเหมือนเดิม เพิ่มความยาวของอัตราทดเกียร์ รวมถึงพลังให้เครื่องยนต์ด้วยการเสริมประสิทธิภาพในการระบายความร้อนจากห้องเผาไหม้ ทำให้กำลังเครื่องยนต์ไม่ตกในทุกย่านความเร็วรอบ ถัดมาคือ โช้คหลังใหม่ แข็งแรงและดีขึ้น สามารถปรับ Preload ได้ 5 ระดับ สุดท้ายคือ แร๊คหลังใหม่ กว้างขึ้นแกร่งกว่าพร้อมลุย พร้อมแบก ยิ่งกว่าเดิม

เครื่องยนต์ใหม่เพิ่มระยะช่วงชัก

แรงบิดต้น อัตราเร่งมาดีขึ้น กำลังติดมือแบบนุ่ม ๆ 


เหตุผลคือต้องการให้รถนั้นมีแรงบิด หรือกำลังเครื่องยนต์รอบต้นมีพลังมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับตัวที่ผ่านมาเครื่อง CT 125 ตัวแรกมี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 52.4 x 57.9 = 124.9 ซีซี กำลังอัดสูงสุด 9.3:1 แต่เครื่องบล็อกนี้ กระบอกสูบ x ช่วงชัก 50.0 x 63.1 = 123.94 ซีซี โอเวอร์สแควร์ กำลังอัด 10.0:1 จึงให้แรงบิดที่สูงขึ้นกว่าเดิมด้วยระยะช่วงชักที่เพิ่มขึ้นมาอีก 5.2 มม. และการเพิ่มกำลังอัดอีก 0.7 kw

จริง ๆ แล้วการเพิ่มระยะช่วงชักให้ยาวขึ้นนั้นมาพร้อมกับ ข้อเหวี่ยงใหม่ ซึ่งมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วยมันจึงมีกำลังรอบต้นแบบติดมือ มานุ่ม ๆ เมื่อแรงบิดเพิ่มขึ้นอัตราทดเกียร์ของเดิมที่ใช้จึงไม่เพียงพอ เกียร์ของเครื่องยนต์บล็อกนี้เลยถูก กำหนดอัตราทดใหม่ให้ยาวขึ้น เพื่อให้ใช้เกียร์แต่ละเกียร์สัมพันธ์กับรอบเครื่อง โดยสามารถใช้เกียร์ 1 ได้ยาวขึ้น และรอบไม่ตันในปลายเกียร์แต่ละเกียร์ เมื่อกำลังอัดของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นจากห้องเผาไหม้ที่แคบลง ความร้อนที่ถูกคายออกจาก “โลป” ไอเสียจึงถูกควบคุมให้สอดคล้องกับการคายไอเสียหลังการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ ด้วยการดึงเอาความร้อนที่อยู่เหนือหัวลูกสูบออกให้เร็วที่สุดโดยใช้ระบบออยสเปรย์เจ็ทใต้ลูกสูบ เพื่อทำให้กำลังเครื่องยนต์ไม่ตกเมื่อมีการใช้เกียร์ต่ำนาน ๆ หรือใช้ความเร็วสูง 90 -100 ก็สามารถบิดสบาย ๆ แช่ได้ยาวไป

ระบบบนชุดฝาสูบแบบ SOHC 4 วาล์ว/สูบ ให้พลังแรงบิดในรอบต่ำและรอบกลางได้ดีอยู่แล้วพร้อมส่งกำลังไปยังชุดข้อเหวี่ยงได้อย่างไม่มีตกหล่น แต่ระบบคลัตช์ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อกำลังงานเองก็ต้องดีด้วย เพราะถ้าระบบคลัทช์ไม่ดีหรือแผ่นคลัทช์พร้อมสปริงไม่แข็งแรงพอ ระบบเกียร์ก็จะไร้ซึ่งประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง Honda CT125 ใหม่ ยังคงใช้ระบบคลัทช์แบบ Centrifugal Clutch หรือคลัทช์แรงเหวี่ยงซึ่งมีประสิทธิภาพสูง โดยภายในใช้แผ่นคลัทช์หนาพร้อมสปริงที่แข็งแรง ซึ่งหากขับขี่บนเส้นทางเทรลเราสามารถใช้เท้าหน่วงเกียร์และเร่งรอบเครื่องให้สูงก่อนปล่อยเพื่อให้ล้อหน้ายกข้ามสิ่งกีดขวางได้อย่างสบาย

เจอน้ำก็ไม่หวั่น ลุยได้สบายมาก


ตลอดระยะเวลาที่ขับขี่รู้สึกได้เลยว่าคลัทช์นั้นมีความแข็งแรงตัดกำลังจากข้อเหวี่ยงและส่งผ่านไปยังเกียร์วน 4 เกียร์ (Rotary gears) ได้ต่อเนื่องดีมาก ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลงซึ่งเป็นระบบหัวฉีด PGM-Fi เองก็ทำงานได้อย่างแม่นยำ และเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในรถเครื่องยนต์ใหญ่ของฮอนด้า คือเป็นแบบ 12 รู ซึ่งส่งน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นละอองทำให้การจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ สะอาด หมดจด มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ทำงานอย่างเต็มศักยภาพควบคู่กับปั๊มแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง (ปั๊มติ๊ก) ซึ่งมีค่าแรงดันที่แม่นยำ และเรือนลิ้นเร่งขนาด 26 มม. ทำให้ตัวรถส่งกำลังได้ดีในทุกสภาพทาง ไม่ว่าจะแห้งหรือเปียก เรียกว่าลุยน้ำได้หายห่วงเพราะจุดสำคัญนั้นมีการซีลไว้อย่างดี ท่อกับกรองอากาศแบบ Snorkel ก็เป็นแบบยกสูง ตราบใดที่น้ำไม่เข้าท่อ ยังไงก็ไม่มีทางดับแน่นอน ตอนเอาตัวแรกไปทดสอบเราเคยเอาลงไปขี่ในลำธารที่น้ำสูงถึงเข่ามาแล้ว พอมาบิดลุยริมทะเลในวันนี้เลยเป็นอะไรที่ชิลมาก

ระบบกันสะเทือนใหม่

เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้โช้คหน้าที่มีระยะยุบมากกว่าปกติ 10 มม. พร้อมยางกันฝุ่นที่หุ้มมาทำให้การขับขี่บนทางดินสามารถทำได้สบายไร้กังวล ที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือโช้คหลังที่สามารถปรับ Preload ได้ 5 ระดับ แข็งแรงขึ้น สามารถรองรับน้ำหนักของผู้ขับขี่ + สัมภาระพร้อมการลุยได้ดีกว่าเดิม เมื่อหมดถนนดำและเริ่มวิ่งเข้าทางเทรลที่มีทั้งดิน หินกรวดเม็ดใหญ่ ระบบกันสะเทือนของ CT125 สามารถ รองรับน้ำหนักได้อย่างสบาย รถไม่มีเสียอาการ ทรงตัวเยี่ยม แม้บางช่วงจะเป็นการจั๊มเนินดินเล็ก ๆ หรือวิ่งโดยใช้ล้อหลังล้อเดียวช่วงขับขี่ริมทะเล (อย่างในภาพ) ก็ยังเอาอยู่ ถ้าใครตัวใหญ่หน่อยหรือมัดของใส่ท้ายเยอะก็ยังสามารถปรับ Preload เพิ่มอีกซักคลิกสองคลิกได้ตามต้องการ

ทรายเปียกเหรอ ก็มาดิครับ


ระบบกันสะเทือน ทำงานควบคู่กับระบบเบรกแบบ Floating และ ABS ได้อย่างลงตัว ทั้งในทางเทรลที่พื้นลื่น หรือแม้กระทั่งบนทรายเปียกริมทะเลก็สามารถกำเบรกหน้าหนัก ๆ ได้เลย โดยรู้สึกได้ทันทีว่า ก้านเบรกหน้าเต้นตึก ๆ จากการทำงานของ ABS แต่ก็ยังหยุดได้ตามต้องการ ไม่มีลื่นแน่นอน

สรุปส่งท้าย

สำหรับการขับขี่ในกิจกรรมที่จัดขึ้นให้ทดสอบ CT125 ใหม่ในครั้งนี้ คงต้องบอกว่าฮอนด้าได้ทำการปรับปรุง CT ใหม่ให้ขับขี่บนทางเทรลได้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ด้วยตัวรถที่พร้อมลุย พร้อมแบกได้มากกว่าเดิม และจัดการกับเรื่องของความแรงซึ่งปกติแล้วมักสวนทางกับความประหยัดได้ดี ทำให้รถมีแรงบิดกับอัตราเร่งในช่วงต้นติดมือขึ้น แต่ยังประหยัดเท่าเดิม สำหรับใครที่อยากได้รถที่มีสมรรถนะแบบอเนกประสงค์ไว้ใช้งาน ขับขี่ในชีวิตประจำวันก็ได้ อยากออกทริปเอาของมัดท้ายก็พร้อมลุยป่า ลุยเขาไปกางเต็นท์ ได้ทันที งั้น CT 125 ใหม่นี้ก็น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณแน่นอน อันนี้ยืนยัน ไปลองสัมผัส และลองขับขี่กันได้แล้วที่ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Honda และ CUB House ทั่วประเทศครับ

Word/Test: Saen Boonchoeisak
📷:เฉาก๊วย จำนาญศิลป์, Honda

Related